หากผมไม่ใช่คนเขียนบทความนี้เสียเอง ผมคงต้องคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องโกหกประชาชนเป็นแน่แท้ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกับการทำนโยบายสวัสดิการถึงล้านล้านบาท ขณะที่งบประมาณภาครัฐปีละ 2 ล้านล้านบาทเท่านั้นเอง
แต่ถ้าได้ติดตามบทความของผมมาบ้าง ก็พอจะรู้ว่า เราไม่ต้องช่วยประชาชนโดยการใส่เงินงบประมาณเข้าไปตรงๆ แต่สามารถยืมพลังจากแหล่งอื่นๆ ได้ โดยเฉพาะกองทุนบำนาญต่างๆ และแบงก์รัฐ ตามเนื้อหาในเศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก (Taiji-Econ.)
ผมได้คิดทบทวนดูว่าทำไมนโยบายของรัฐบาลซึ่งก็ใช้เงินงบประมาณไม่น้อยถึง 3 แสนล้านบาท เพื่อทำสวัสดิการประชาชน แต่กลับมีหลายบุคคลซึ่งไม่ได้รับผลประโยชน์เอาเลย ตัวอย่างเช่น คนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็แล้วกัน พวกเขาคงจะบ่นแบบนี้
เช็คช่วยชาติ ... พวกกระผมได้รับการประเมินจากรัฐบาลแล้วว่าเป็นบุคคลค่อนข้างร่ำรวย ทำงานนอกระบบ จึงไม่ได้รับเงินนี้ เศร้า
เบี้ยยังชีพคนชรา ... พวกกระผมยังไม่แก่พอที่จะรับเงินนี้ได้ อดอีกแล้ว
เรียนฟรี 15 ปี ... พวกกระผมไม่กล้ามีลูกหรอกครับ แค่หาเลี้ยงปากท้องตัวเองยังแทบไม่รอดเลย อดอีกแล้ว
ประกันรายได้เกษตรกร... พวกกระผมไม่ได้ทำนานี่ครับ อดอีกแล้ว
ลดค่าครองชีพ ... เช่าอยู่กันหลายคนค่าไฟเลยเกินมาหน่อย สรุปแล้ว จ่ายเอง ส่วนรถเมล์ไม่เคยนั่ง ขี่แต่มอเตอร์ไซค์คู่ชีพ อดอีกเช่นกัน
ขณะที่การขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันและบุหรี่นั้น กระทบพวกเขาเต็มๆ
ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ... รัฐบาลคงคิดว่าพวกกระผมเข้าขั้นคนรวยใช้เบนซินหรือแก๊ซโซฮอลล์ เลยต้องรับกรรมจ่ายเพิ่ม
ภาษีบุหรี่ ... พอจะดูดบุหรี่แก้เครียดจาก"นโยบายฝนตกไม่ทั่วฟ้า" พวกกระผมก็ถูกเก็บภาษีเพิ่มอีกแล้ว นี่มันอะไรกัน "รัฐบาลอภิสิทธิ์ชน" หรือเปล่าครับ เพราะ พวกกระผมไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยแม้แต่บาทเดียว จากเงินงบประมาณที่รัฐบาลใส่ลงไปถึง 3 แสนล้าน แถมยังต้องมารับภาระภาษีสรรพสามิตเพิ่มอีก
พรรคไทยรักไทยเคยโค่น ประชาธิปัตย์อย่างราบคาบ ด้วย 2 หมัดเด็ด "สวัสดิการแสนล้าน" คือ "บัตรทอง 30 บาท" และ "กองทุนหมู่บ้าน" มาแล้ว ขณะที่รัฐบาลชุดนี้ชกแต่ "หมัดแย็บ" ด้วยน้ำหนักหมัดราว 2-3 หมื่นล้านเท่านั้นเองต่อนโยบาย ซึ่งก็มีทั้งความ "ไม่พอ" และ "มากเกิน" อยู่ในตัวเอง
"ไม่พอ" เพราะ น้อยเกินไป เมื่อเทียบกับสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการ และ "มากเกิน" เพราะเงินไม่พอทำให้ต้องสร้างหนี้ภาครัฐเพิ่ม ด้วยสวัสดิการระดับ 3 แสนล้านนี้ไปช่วยเพิ่มหนี้สินสาธารณะในปีที่แล้วถึง 8 แสนล้านบาท
รัฐบาลขาดซึ่ง นโยบายสวัสดิการแสนล้าน ที่จะน็อคพรรคคู่แข่งได้ อย่างไรก็ดีบทความนี้จะนำเสนอ "หมัดน็อค" ระดับล้านล้านบาท เพื่อโค่นพรรคการเมืองคู่แข่ง แบบไม่มีแรงจะยืนบนสังเวียนการเมืองได้อีกนาน แทนที่จะมีคะแนนความนิยมในระดับใกล้เคียงกันอยู่ในปัจจุบัน
1.สินเชื่อ999 โดยให้ กบข. สปส. และ บลจ.ที่ดูแลเงินบำนาญ กบข. ประกันสังคม และ สำรองเลี้ยงชีพ ตามลำดับ ค้ำประกันเงินกู้ให้กับสมาชิกและผู้ประกันตน ไม่เกิน 9 ส่วนของเงินออม ในอัตราดอกเบี้ย 9 เปอร์เซนต์ต่อปี และ ผ่อนได้นานสุด 9 ปี วงเงิน 3 ก้อนนี้รวม 1.5 ล้านล้านนั้น อาจมีราว 40 เปอร์เซนต์ที่เปลี่ยนเป็นสินเชื่อ นั่นหมายถึงเงินราว 6 แสนล้านบาท จะเข้ามาช่วยคนทำงานในระบบให้เข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ โดยไม่ต้องใส่ใจกับเครดิตบูโร
2.กองทุน555 เพิ่มวงเงินของกองทุนหมู่บ้าน 5 เท่าตัวเป็น 5 ล้าน ระยะเวลาคืนเงินต้น 5 ปี และ แต่ละบุคคลกู้ได้สูงสุด 5 หมื่น ซึ่งเป็นระดับที่นานขึ้นและมากขึ้นกว่าปัจจุบัน อันจะช่วยลดจุดอ่อนการหมุนหนี้ของประชาชนได้ วงเงินตรงนี้ 4 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ทำงานนอกระบบให้เข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้น
เมื่อรวม 2 เรื่องเข้าด้วยกันก็จะเป็นวงเงินถึง 1 ล้านล้านบาท ที่สำคัญคือไม่ต้องใช้เงินงบประมาณเลยแม้แต่บาทเดียว จึงอาจเป็น 2 หมัดน็อคใช้ล้มคู่แข่งทางการเมืองได้อย่างสบายๆ และ ประชาชนที่จะได้ประโยชน์ตรงนี้อาจสูงถึง 20 ล้านคน แทนที่จะเป็นแค่ 2 แสนคนที่รัฐบาลได้ช่วยแก้ไขหนี้นอกระบบได้สำเร็จ
ผมไม่ได้สนับสนุนให้ประชาชนติดหนี้สินกันมากขึ้น แต่เราต้องยอมรับความจริงว่าคนไทยติดหนี้กันมากอยู่แล้ว และ การช่วยให้คนไทยได้รีไฟแนนซ์ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมาก นั่นหมายถึง คนจนและชนชั้นกลาง เหลือเงินติดกระเป๋ากันมากขึ้น เพราะ ได้รับผลตอบแทนของแรงงานเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น และ จ่ายผลตอบแทนของทุนลดลง ปัจจุบันนั้นมีบางคนทำงานทุกวัน แต่ไม่เคยได้รับเงินไปใช้เลย เพราะจ่ายเป็นดอกเบี้ยนอกระบบไปหมด หนี้สินมีแต่พอกพูน เป็นระบบที่เลวร้ายกว่า "ระบบทาส" ในอดีตเสียอีก เพราะ ทาสในสมัยก่อนนั้นทำงานไป และ รับอาหาร ที่พักอาศัยจากนายทาส แม้ไม่มีสินทรัพย์เหลือแต่ก็ไม่มีหนี้สินรุงรัง
นอกจากนี้ การใช้แบงก์รัฐมาเป็นแขนขาในการปล่อยสินเชื่อนั้น จะเร่งให้เกิดการขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อระดมเงินออมขนานใหญ่ในแบงก์รัฐ ซึ่งจะช่วยลดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลงด้วยกลไกการตลาด อันเป็นสิ่งที่รัฐบาลอยากเห็นอยู่แล้ว
รัฐบาลอภิสิทธิ์คงมีเวลาคิดไม่มากนักที่จะเลือกเดินหน้าใช้นโยบาย "สวัสดิการล้านล้าน" ในลักษณะคล้ายๆ แบบนี้เพื่อช่วยเหลือประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ ซื้อใจประชาชนให้ได้เพื่อน็อคคู่แข่งทางการเมือง หรือว่า ยังคงใจเย็นเดินหน้าชกด้วย "หมัดแย็บ" กันต่อไป แล้วรอ พรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบาย "หมัดน็อค" มาโค่นประชาธิปัตย์ในอนาคตอันใกล้