พวกเราคงรู้จักกับนิทานอีสปเรื่อง "ราชสีห์กับหนู" กันเป็นอย่างดี   แล้วเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องอะไรกับ WEF East Asia ที่ กรุงเทพฯ ??
ประเทศพัฒนาแล้วยักษ์ใหญ่หลายประเทศกำลังติด "กับดักเคนส์" (สภาพที่หนี้ภาครัฐต่อ GDP สูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะรัดเข็มขัด หรือ คลายเข็มขัดการคลังก็ตาม)   เหมือนดั่งราชสีห์ติดกับดักนายพราน  ขณะที่ประเทศแถบยูโรโซนหนักยิ่งกว่า  เพราะ ติด "กับดักยูโร" ไปอีกด้วย    โดยที่ปัจจุบันประเทศไทยได้มีแนวคิดของ เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก (Taiji-Econ.) ที่สามารถปลดล็อกกับดักทั้ง 2 นี้ได้  ด้วย  "ทฤษฎีการคลังไท้เก๊ก"  โดยนำเอาแนวคิดของไท้เก๊กคือ "ยืมแรงสะท้อนแรง" และ "นิ่งคือเคลื่อน-เคลื่อนคือนิ่ง"  มาใช้เพื่อฉีกกรอบทฤษฎีเคนส์  เราจึงสามารถรัดเข็มขัดการคลังไปพร้อมๆ กับกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี   นอกจากนี้  ทฤษฎี FX ไท้เก๊ก  ยังบ่งชี้ว่า  ค่าเงินยูโร ควรแตกออกเป็นอย่างน้อย 3 สกุล  เพื่อให้ใช้ได้อย่างเหมาะสมกับกลุ่มประเทศที่แข็งแรง  กลางๆ และ อ่อนแอ   วิธีนี้จะทำให้ระบบเงินยูโรคงอยู่ได้อย่างมีดุลยภาพ และ มีเอกภาพ
 เวที WEF เอเชียบูรพานี้  รัฐบาลไทยควรขอเสียงสนับสนุนจากจีน ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้  เพื่อสร้างเรื่องนี้ให้เป็นสำนักเศรษฐศาสตร์แห่งเอเชียบูรพา  เคียงข้างไปกับ  สำนักเคนส์ (อังกฤษ)   สำนักการเงินนิยม (อเมริกา)   สำนักสังคมนิยม (โดยคาร์ล มาร์กซ์ แห่งเยอรมัน)  และ สำนักเชิงพุทธ (เอเชียใต้)   
ประเทศไทยได้รับการช่วยเหลืออย่างมากมายจากประเทศพัฒนาแล้วทั้งในระดับประเทศ องค์กร และ บุคคล  ตัวผมเองก็ได้รับทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีจากเงินภาษีของคนญี่ปุ่น   นี่นับเป็นโอกาสอันดียิ่งในรอบศตวรรษ  ที่ประเทศไทยอาจจะได้รับบทบาทการเป็นฮีโร่เพื่อกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจโลก  
รัฐบาลไทยมีทางเลือกในการเป็น "หนู" ได้ 3 แบบ คือ
1.หนูใจดำ : เรื่องแบบนี้ตัวใครตัวมัน  ไม่สำนึกบุญคุณหรอก  ราชสีห์ก็ทำไม่ดีเอาไว้มาก  จะไปช่วยทำไมกัน  ปล่อยให้ราชสีห์ดิ้นรนทุรนทุรายปางตายไปก็แล้วกัน
 2. หนูใจเย็น : เดี๋ยวรอจังหวะดีๆ ก่อน  ให้ราชสีห์จวนตัวจริงๆ ค่อยเข้าไปช่วย  วิธีแบบนี้ก็อาจมี  กระรอกน้อยเจ้าปัญญา  รีบวิ่งมาตัดหน้ารับบทบาทช่วยราชสีห์แทนหนูก็มีความเป็นไปได้สูง
 3. หนูใจดี : รีบช่วยเหลือราชสีห์เพื่อทดแทนคุณโดยด่วน   สร้างตำนาน "ราชสีห์กับหนู" ตามแบบนิทานอีสป   แต่นี่เป็นการช่วยให้ราชสีห์ หลุดพ้นจาก "กับดักเคนส์" และ "กับดักยูโร"  ซึ่งเป็นสถานการณ์คับขันของระบบเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน
หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลไทยจะเลือกได้ถูกทาง  เพราะ นี่คือชื่อเสียงและความภาคภูมิใจของทั้งประเทศไทย รัฐบาลไทย รวมถึง ประชาชนคนไทยทุกคนครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น