วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เลือกตั้งไท้เก๊ก

นี่คือทฤษฎีที่ 2 ของ "รัฐศาสตร์ไท้เก๊ก" ต่อเนื่องทฤษฎีแรก "ปรองดองไท้เก๊ก" ซี่งแนะนำให้ทำกิจกรรมสีขาว  ขยายขอบเขตของคนเสื้อขาวออกไปให้มาก  เพื่อสร้างความปรองดองในประเทศ  โดยเฉพาะ "พิธีอโหสิกรรมแห่งชาติ"

เนื่องจาก "แนวคิดวิถีไท้เก๊ก" นั้น  จะขยายจาก 2 ทางแบบสามัญ "นิ่งคือนิ่ง" และ "เคลื่อนคือเคลื่อน" เพิ่มเป็น 4 ทางโดยเพิ่ม "นิ่งคือเคลื่อน" และ "เคลื่อนคือนิ่ง" เข้าไปด้วย   โดยเส้นทางใหม่หนึ่งจะแย่กว่าเดิม  ขณะที่เส้นทางใหม่ที่ดีกว่าเดิมซึ่งน่าจะเป็น "คำตอบสุดท้าย"

การเลือกตั้งในปัจจุบันนั้นจะเป็นว่ามี 2 วิธี คือ
1. ระบบแบ่งเขต  ซึ่งก็คือ  การ "แต่งตั้ง-เลือกตั้ง"  คือ ต้องมีการแต่งตั้งเข้ามาเป็นผู้สมัคร สส.ก่อนโดยกรรมการพรรคการเมือง  หลังจากนั้นจึงให้มีการเลือกตั้งโดยประชาชน
2. ระบบบัญชีรายชื่อ  คือการ "เลือกตั้ง-แต่งตั้ง" โดยให้ประชาชนเลือกตั้งเทคะแนนก่อนว่าแต่ละพรรคการเมืองจะสามารถแต่งตั้ง สส.เข้าไปในสภาฯ ได้กี่คน  

เมื่อมีการ "แต่งตั้ง" เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยทั้ง 2 กรณี  ดังนั้น  สส.ส่วนใหญ่จึงเป็นเหล่านายทุนหรือลิ่วล้อของนายทุน  ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ   ซึ่งเมื่อมีการลงทุนทางการเมือง  นายทุนเหล่านี้บวกลบคูณหารเพื่อให้มีกำไรทางการเมืองเกิดขึ้น.... การคอรัปชั่นจึงเป็นปัญหาที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงได้อย่างยากเย็น

คราวนี้เรามาลองดูอีก 2 วิธีใหม่ของระบบไท้เก๊กดูบ้าง
3. ระบบแต่งตั้ง 2 ชั้น "แต่งตั้ง-แต่งตั้ง"   เช่น  คมช.แต่งตั้ง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ  (สนช.)  วิธีแบบนี้ดูๆ แล้วก็ไม่ได้ใหม่อะไรนัก  ดูแย่กว่า2ระบบเดิมด้วยซ้ำ   ห่างไกลจะคำว่า "ประชาธิปไตย"  เพราะ ไม่มีส่วนของการเลือกตั้งเข้ามาเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย

4. ระบบเลือกตั้ง 2 ชั้น "เลือกตั้ง-เลือกตั้ง"   วิธีนี้จึงเป็น "คำตอบสุดท้าย" ที่น่าจะเหมาะสมสำหรับการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย   จะเป็น สส.ได้โดยไม่ต้องใช้เงินทุนเลย  เราจะได้สส.หน้าใหม่ที่แตกต่างไปจาก 2 พันคนหน้าเดิมๆ  

วิธีการก็คือ  เลือกตั้งขั้นแรกในระดับหมู่บ้านก่อน 8 หมื่นหมู่บ้าน  เลือกมาสัก 3 คนที่มีคุณสมบัติครบในการเป็น สส.  ก็จะได้ตัวแทนหมู่บ้านที่เป็นคนดีคนเก่งระดับหนึ่ง  ซึ่งจะเป็นระดับ "ชาวบ้าน" ไม่ใช่ระดับ "นายทุน"  เราก็จะได้ตัวผู้สมัครเข้ามาราว 2.4 แสนคน

จากนั้น ก็ให้ สวรรค์เป็นคนเลือกในขั้นสุดท้ายด้วยการ "จับสลาก"  จาก 2.4 แสนคนนั้นโดยอาจกำหนดให้ระบบนี้เป็นสัก 25% ของจำนวนสส.ทั้งหมดก่อน (125 คน)   สส.ระบบแบ่งเขตเหลือ 50% และ ระบบบัญชีรายชื่อ 25%  เราก็จะได้ตัวแทนของประชาชนที่เป็น "ชาวบ้าน" เข้าไปทำหน้าที่ตัวแทนจริงๆ  ไม่ใช่ได้นายทุนหรือลิ่วล้อนายทุนเข้าไปทำหน้าที่ สส.เพื่อปรับเปลี่ยนกฎหมายของประเทศ   เมื่อไม่มีการลงทุนทางการเมืองเลย  เชื่อได้ว่าการถอนทุนทางการเมืองก็น่าจะลดลงไปด้วย   อนาคตหากระบบนี้ดีจริงเหมาะสมจริง  ก็ควรเพิ่มสัดส่วนของจำนวน สส.ด้วยระบบนี้เข้าไปให้มากยิ่งขึ้น

แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้นได้  คงต้องพบกับปัญหาใหญ่ นั่นก็คือ สส.ปัจจุบันหน้าเดิมๆ จะยอมเสียอำนาจให้แก่ "ชาวบ้าน" เข้ามานั่งในสภาฯ  ละหรือ??  เพราะคงต้องมีการแก้ไขกฎหมายการเลือกตั้งอยู่หลายมาตราเพื่อให้ผ่านเรื่องนี้ออกมาได้   อย่างไรก็ดี  ในเมื่อบางกลุ่มมีแนวคิดจะ "แช่แข็งนักการเมือง" อยู่แล้ว   นี่อาจเป็นทางเลือกใหม่ที่จะนำเสนอเพื่อเป็นทางออกของประเทศก็เป็นได้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น