วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556

จาก TIP สู่ SIT วิกฤติไก่งวง

หากประเทศ TIP หมายถึง ไทย อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์  แล้ว SIT  ละคืออะไร ??  นี่เป็นกลุ่มประเทศที่ผมตั้งชื่อให้เอง  หมายถึง  ประเทศกำลังพัฒนาที่มีขนาดใหญ่พอสมควร  แต่เน้นการพึ่งพิงเงินต่างชาติอย่างมาก และ มีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูง  ซึ่งก็คือ  แอฟริกาใต้  อินเดีย และ ตุรกี  นั่นเอง

โดยประเทศ SIT  มีโครงสร้างของเศรษฐกิจคล้ายคลึงกับ TIP  ในช่วงก่อนวิกฤติต้มยำกุ้งเป็นอย่างมาก คือ ต้องพยายามให้ดอกเบี้ยสูงไว้เพื่อดึงดูดเงินต่างชาติเอาไว้  ขณะที่มีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดระดับสูง  ปัญหาก็คือว่าตั้งแต่เดือน พ.ค.  ความเชื่อมั่นที่ถดถอยลงอย่างเร็วในประเทศตลาดเกิดใหม่นี้  โดยค่าเงิน Rand ของ แอฟริกาใต้นั้นอ่อนค่าลง 11% ในเดือน พ.ค.เพียงเดือนเดียว  และ เงิน Lira ของตุรกี และ Rupee ของอินเดียก็อ่อนค่าลงไปราว 5%  โดยเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ก็ชะลอตัวลงอย่างเร็ว  โดยอินเดียเติบโตต่ำสุดในรอบทศวรรษที่ 4.8%  ขณะที่แอฟริกาใต้ และ ตุรกี ซึ่งเคยเติบโตระดับสูงนั้น ก็เติบโตเพียง 1-2% เท่านั้นเอง  

ประเทศ SIT  จึงต้องพยายามลดอัตราดอกเบี้ยลง  เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว  อย่างไรก็ดี  นี่คือภาวะหนีเสือปะจระเข้ (dilemma)  ของนโยบาย   คือ หากดอกเบี้ยสูงเศรษฐกิจก็จะแย่  ขณะที่เมื่อลดดอกเบี้ยลงเงินทุนต่างชาติก็จะไหลออก  เพราะส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง  ทำให้ความน่าสนใจลดลงไปด้วย   มีการขายพันธบัตรของ 3 ประเทศออกมาทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปีได้ดีดขึ้นสูงกว่าระดับ  7%  เมื่อเกิดความไม่เชื่อมั่นขึ้นในใจของนักลงทุนต่างชาติ   ประเทศเหล่านี้จะหาเงินทุนที่ไหนไปไฟแนนซ์ส่วนขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ??

ผมได้เคยตั้งค่าตัวชี้วัด "สัญญาเตือนภัยเรืองศิริกูลชัย" (Ruang Alarm)  ไว้แล้ว  ซึ่งเป็นรวมค่าการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 3 ปีย้อนหลัง  ก็จะพบว่า  แอฟริกาใต้มีค่า -12.5% GDP   อินเดียมีค่านี้ที่ -12.1% GDP ซึ่งจัดว่ามีความเสี่ยงของวิกฤติในระดับสูง   ขณะที่  ตุรกี นั้นมีค่านี้ที่ -22.4% GDP   จัดว่ามีความเสี่ยงของวิกฤติเศรษฐกิจที่สูงมาก  

เมื่อรวมเข้ากับวิกฤติทางการเมืองใน "ตุรกี" ที่มีการประท้วงของภาคประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาลปะทะกับตำรวจด้วยความรุนแรง  หากเรื่องนี้เกิดกับประเทศไทยตลาดหุ้นก็อาจลงสัก 1-2%  แต่ตลาดหุ้นอิสตัลบูลในตุรกีนั้นกลับร่วงแรงถึง 10.5% ภายในวันเดียว   นั่นแสดงถึงความเชื่อมั่นที่เปราะบางมากๆ  

ยิ่งมีเมื่อความกังวลว่า  อเมริกาอาจลดปริมาณ QE ลงในเร็ววันนี้  ประเทศกำลังพัฒนาอย่าง SIT  น่าจะประสบปัญหาการหาเงินทุนไปไฟแนนซ์ส่วนขาดดุลบัญชีเดินสะพัด   เมื่อ SIT แปลว่า "นั่ง" ประเทศเหล่านี้เปรียบเสมือนนั่งอยู่บนเก้าอี้เงินทุนต่างชาติ 4 ขา คือ 1.ตลาดบอนด์ทั้งระยะสั้นและยาว 2.ตลาดหุ้น  3.ตลาดอสังหาริมทรัพย์ 4.การลงทุนโดยตรง (FDI)   ขาของเก้าอี้ก็เริ่มหักไปทีละขา จาก 4 เหลือ 3 เหลือ 2 เหลือ 1 สุดท้ายแล้วคงไม่เหลือขาเก้าอี้ของเงินทุนต่างชาติอีกเลย  เศรษฐกิจก็จะล้มระเนระนาดในแบบเดียวกับที่ประเทศ TIP  เคยประสบกับ วิกฤติต้มยำกุ้ง  เมื่อ 16 ปีที่ผ่านมาแล้วนั่นเอง

การเรียงลำดับของวิกฤตินั้ันแบ่งเป็น 3 เฟส คือ 1.วิกฤติดุลบัญชีเดินสะพัด  2.วิกฤติเศรษฐกิจ  และ 3.วิกฤติการคลัง   สำหรับเฟสแรกนั้นเศรษฐกิจยังแทบไม่ส่ออาการใดๆ เลยเพียงแต่มีหนี้สินต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น   สำหรับประเทศ SIT  อาจกล่าวได้ว่าอยู่ในเฟสแรกที่กำลังเดินเข้าสู่เฟส 2

ดังนั้น  ผมจึงได้ตั้งชื่อวิกฤติที่จะเริ่มต้นจากตุรกีนี้ว่า "วิกฤติไก่งวง" (Turkey Crisis)  โดยได้คาดการณ์ไว้ว่าจะเริ่มรุนแรงขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป  จากนั้น  แรงระเบิดของฟองสบู่แตกใน "ตุรกี" จะไปกระแทกให้ข้อต่อที่อ่อนแอสุด (weakest link)  ซึ่งก็คือ กรีซ และ ไซปรัส  ให้หลุดออกจาก "โซ่ตรวนเงินยูโร"  โดยเศรษฐกิจของ 2 ประเทศนี้ก็อ่อนแออยู่แล้วให้ย่ำแย่ลงไปอีก  และท่านผู้นำอาจต้องเปลี่ยนใจยอมรับต่อชะตากรรมว่าไม่สามารถนำพาประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้หากยังใช้ค่าเงินยูโรต่อไป  เหตุการณ์เหล่านี้เองอาจจะนำมาซึ่งความไม่เชื่อมั่นในยูโรโซน   ประกอบกับฟองสบู่การลงทุนเกินขอบเขตทั้งอสังหาริมทรัพย์ และ โรงงานของจีนน่าจะแตกพอดี  จึงนำไปสู่ "วิกฤติหมูหัน" (Roasted Pig Crisis) ซึ่งน่าจะเริ่มก่อตัวขึ้นในไตรมาส 4 ปีนี้  ดังนั้น กระแสเงินทุนอาจจะหันหลังให้กับตลาดเกิดใหม่ตั้งแต่เดือน พ.ค.ไปนานจนถึงสิ้นปีกันเลย

สำหรับประเทศไทยนั้น  เดือน เม.ย. ที่ผ่านมาไทยได้มีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.36 พันล้านดอลลาร์   ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านผู้ดูแลนโยบายการเงิน การคลัง  การค้า และ การลงทุน คงจะดูแลประเทศเป็นอย่างดีไม่ให้ต้องเดินเข้าสู่เฟสแรกของวิกฤติ   เพราะหากยังปล่อยให้ไทยขาดดุลหนักหน่วงเช่นนี้ไปอีกสักระยะแล้วละก็  ประเทศ SIT  อาจต้องเปลี่ยนใหม่เป็น SITT (รวม Thailand ด้วย)  และ ประเทศไทยที่เคยร่วมโต๊ะกิน "ต้มยำกุ้ง"  อาจต้องร่วมโต๊ะเพื่อกิน "ไก่งวง" และ "หมูหัน" กันอีกด้วยนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น