บทความนี้เขียนด้วยความมุ่งหมายอันดีต่อประเทศชาติ ไม่ได้หวังเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่เพื่อให้คนไทยได้ฉุกคิดว่าจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของชาติอย่างไรกันดีก่อนจะเกิดความรุนแรง
ความขัดแย้งทางการเมืองได้มีต่อเนื่องมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2548 โดยหลายครั้งที่ความรุนแรงมากจนเสียเลือดเสียเนื้อ ประเทศไทยได้มองข้ามจุดแข็งของชาติในเรื่องหนึ่งหรือเปล่า ที่สามารถนำมาใช้เพื่อคลายปมขัดแย้งนี้ได้ สิ่งนั้นก็คือ "พุทธศาสนา" ไงครับ
แม้ว่า วุฒิสภาฯ ได้เดินหน้าคว่ำร่าง พรบ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอยไปแล้ว และ พรรคร่วมรัฐบาลได้ลงสัตยาบันจะไม่นำร่าง พรบ.นิรโทษฯ มาพิจารณาอีกก็ตาม เรื่องที่ทำนี้ก็เหมือนการดึงฟืนออกจากกองไฟ แต่นั่นยังไม่เพียงพอที่จะดับไฟลงได้ การเดินหน้าระดมมวลชนเสื้อแดงมาชนด้วย ก็คงเหมือนการก่อไฟเพิ่มอีกกองหนึ่ง คำตอบสุดท้ายของความขัดแย้งนี้น่าจะเป็นการใช้ "น้ำ" เพื่อดับไฟแห่งความโกรธแค้นที่สุมในใจของคนไทยลงต่างหาก
แทนที่จะใช้คำว่า "นิรโทษกรรม" หรือว่า "ล้างผิด" ผมเลือกใช้คำว่า "อโหสิกรรม" แทนที่จะใช้คำว่า "ปรองดอง" หรือว่า "สมานฉันท์" ผมขอใช้คำว่า "สามัคคี" แต่นี่คงไม่ใช้แค่เปลี่ยนวาทกรรมแล้วเรื่องราวจะจบลงไปได้
หากเป็นแนวคิดของศาสนาพราหมณ์ตามมหากาพย์มหาภารตะ พระกฤษณะกล่าวว่า "รบเถิด อรชุน" เพราะถึงจะสู้รบแพ้ก็ยังได้ขึ้นสวรรค์ แต่หากเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็คงตรัสว่า "หยุดเถอะ อรชุน" เพราะไม่ว่าจะสู้รบแพ้หรือชนะ แต่การฆ่าคนหลายร้อยหลายพันคนนั้นเป็นบาปมหันต์ จะต้องตกนรกอย่างแน่นอน นี่จึงเป็นนับได้ว่าเป็นแนวคิดคนละขั้วกันเลย และ เนื่องจากพวกเราส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ ไม่ใช่ ชาวพราหมณ์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเช่นนี้ก็ควรให้ความสนใจกับแนวคิดของ "ปางห้ามญาติ" มากกว่าแนวคิดของ "มหาภารตะ"
หลักการก็คือว่า ดึง "สติ" ของคนไทยกลับมา ใช้หลักการ "อโหสิกรรม" เพื่อทำให้ใจเย็นลง ผมขอเสนอให้จัดงาน "วันสามัคคีแห่งชาติ" อย่างเร็วที่สุด โดยในงานนี้จะมุ่งเน้นการ "แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง" เน้นประเด็นของการรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่คนไทยมีร่วมกัน ขณะที่ความแตกต่างทางความคิดเห็นทางการเมืองก็สงวนเอาไว้ก่อน เป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นขออภัย-ให้อภัยกัน และเริ่มต้นความสามัคคีในชาติ
โดยพิธีก็อาจเริ่มด้วยการเชิญตัวแทนของทุกสีทุกฝ่ายเข้ามา สวดมนต์ร่วมกัน ร้องเพลงชาติร่วมกัน ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีร่วมกัน ฟังพระเทศน์ในเรื่องประโยชน์ของ "การอโหสิกรรมและความสามัคคี" จากนั้นก็อาจมีพิธีแขวน "เสื้อแดง หน้ากากขาว มือตบ นกหวีด" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านอำนาจรัฐ มีการประกาศวาระแห่งชาติที่จะเดินหน้าร่วมกันในเรื่อง "การต่อต้านคอรัปชั่น การขจัดสิ้นยาเสพติด และ การปฏิรูปการศึกษา" เป็นต้น มีการ "ขออโหสิกรรม" ต่อชาติและประชาชนคนไทยที่ในอดีตอาจได้กระทำผิดพลาดไปบ้าง และ สุดท้ายก็อาจจัดให้มีการร้องเพลง "สามัคคีชุมนุม" ร่วมกันเพื่อเริ่มต้นสร้างความสามัคคีในชาติ
เมื่อจิตใจของคนไทยเย็นลงแล้วก็จะสามารถคุยกันด้วยเหตุด้วยผล ว่าเรื่องใดควรอภัยให้กันได้ เรื่องใดให้อภัยกันไม่ได้ แล้วจึงจัดทำเป็น "พรบ.สามัคคีแห่งชาติ" ในภายหลังเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวม น่าจะดีกว่าการปล่อยให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ จริงไหมครับ ??
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น