วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557

อรหันต์ไท้เก๊ก : ปลดล็อกการเมืองไทยภาค 2

หลังจากได้นำเสนอแนวความคิด "กุญแจไท้เก๊ก" เพื่อปลดล็อกการเมืองไทยไปแล้ว  ปรากฏว่าคงยังไม่โดนใจทั้ง 2 ฝ่าย  จึงไม่สามารถผ่าทางตันทางการเมืองไปได้  ผมจึงเสี่ยงขอเสนอรอบ 2 มีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนเพื่อให้โอกาสจะได้รับการตอบรับจากทั้งฝ่ายที่ขัดแย้งกันอยู่ในปัจจุบันของรัฐบาลรักษาการ และ กปปส.มีสูงขึ้น

สถานการณ์บ้านเมืองเริ่มมีความรุนแรงยิ่งขึ้น  หลังจากมีระเบิดเกิดขึ้นที่ ถ.บรรทัดทอง และ อนุสาวรีย์ชัยฯ โดยมีคนตาย  และ บาดเจ็บจำนวนมาก  ประเทศจำเป็นต้องเร่งรีบหาทางออกโดยด่วน และ เนื่องจาก "ไท้เก๊ก" คือ แนวคิดที่แตกจากธรรมดา 2 ทางเป็น 4 ทาง  เราจึงอาจพบทางออกได้แบบนี้
โดยเริ่มจาก "คนกลาง" ก่อน แบบธรรมดามี 2 ทาง

1. จากสถาบันวิชาการ : นี่คือ "ฝ่ายบุ๋น" โดยนักวิชาการจากสำนักต่างๆ พยายามเสนอทางออก  อย่างไรก็ดี  ขณะที่รัฐบาลต้องการเลือกตั้ง 2 กพ. และ ปฺฏิรูปหลังเลือกตั้ง   ขณะที่ กปปส.ต้องการเลื่อนเลื่อนตั้งไปโดยต้องมีการปฏฺิรูปก่อน  จึงยังหาคำตอบที่โดนใจทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้   และในปัจจุบันก็มีการแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจนจนถึงกับต้องถามกันว่า  นักวิชาการ "สีไหน" จะมาช่วยได้

2. จากสถาบันความมั่นคง : นี่คือ "ฝ่ายบู๊"  หรือ ทหารนั่นเองครับ  เนื่องจากมีอำนาจกำลังทหารอยู่ในมือ จึงมีอำนาจการต่อรองสูง  อาจกล่าวได้ว่ากำลังเล่นบท "ลิโป้"  ในกรณีห้ามทัพ เล่าปี่ กับ อ้วนสุด คือ หากใครล้ำเส้นสร้างความรุนแรงขึ้นก่อน  กองทัพพร้อมจะไปยืนอยู่อีกฝ่าย

3-4 จึงเป็นคนกลางที่ไม่ธรรมดานะครับ
3. สถาบันพระมหากษัตริย์ : เป็นพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงท่านเป็นอย่างสูง  ซึ่งคนไทยรวมไปถึงชาวต่างชาติล้วนซาบซึ้งประทับใจในบทบาท และ พระราชดำรัสในห้วงวิกฤติความขัดแย้งทางการเมืองในอดีตยุค ตุลาวิปโยค 2516 และ พฤษภาทมิฬ 2535

4. สถาบันศาสนา : อาจกล่าวได้ว่า แม้ว่า "พุทธศาสนา" คือจุดแข็งของประเทศไทย แต่อาจกล่าวได้ว่าประเทศไทยแทบไม่ได้ใช้จุดแข็งนี้เพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองอย่างจริงจังเลย   แนวคิดตรงนี้ข้อเสนอของผมก็คือ "ยืมพลัง" ความดีของศาสนานะครับ   เชิญพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง 7 รูป  ผู้นำศาสนาคริสต์ 1 ท่าน  และ ผู้นำศาสนาอิสลาม 1 ท่าน  รวมเป็น 9 ท่าน มาเทศน์ หรือ ให้ข้อคิดกับคนไทยในธรรมะที่่ลดความเกลียดชัง  ลดความรุนแรง  ลดความขัดแย้ง  มีเมตตากรุณาต่อกัน  โดยประโยคสุดท้ายอาจเป็น  "อาตมาขอบิณฑบาตความขัดแย้ง ความรุนแรงในชาติเถอะ"  ประมาณนั้นละครับ

อย่างไรก็ดีด้วยเหตุผลเพียงนี้จะให้สลายม็อบนกหวีดไปง่ายๆ โดยไม่มีอะไรติดมือ และ ไปเลือกตั้งกันวันที่ 2 กพ. นั่นคงไม่ใช่ทางออกที่สมบูรณ์นัก  แนวคิดผ่าทางตันอย่างหนึ่ง คือ "หากเลื่อนเลือกตั้ง 3 เดือน ปฏิรูปเล็กน้อย  แล้วให้ กปปส.สลายม็อบ" แต่ก็ไม่ได้มีรับการตอบรับจากฝ่าย กปปส. ทางที่ดีกว่าก็คือ แนวคิดแบบไท้เก๊ก  ด้วยการเลือกตั้งตามกำหนดเดิมซึ่งรัฐบาลรักษาการพอใจ และ ทำให้ กปปส.พอใจให้ได้ด้วย  โดยสิ่งที่ กปปส.เรียกร้องนั้นแบ่งเป็น 2 อย่างคือ

1. ปฏิรูปก่อน : รัฐบาลรักษาการควรจัดให้เลย  ด้วยการมอบหมายให้ กปปส. และ พรรค ปชป. เป็นผู้นำในการเดินหน้าปฏิรูปไปเลย  ด้วยการจัดทำรูปแบบสอบถามของ "ประชามติ"  ว่าจะปฏิรูปอะไรบ้าง เช่น  ระดับโทษและอายุความของการคอร์รัปปชั่น   โทษของการซื้อสิทธิขายเสียง   ผู้ว่าฯ ควรมาจากเลือกตั้งหรือแต่งตั้ง   ควรเก็บภาษีทรัพย์สินไหม  ถ้ากล้าๆ หน่อยก็คือประชาชนจะเอาสภาคนดี (สภาประชาชน) ไหม??  ให้เวลาไปเลย 1-2 เดือน ทำออกมาให้สำเร็จ นี่คือเรื่องสำคัญเพราะ เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปนั่นเอง   ผลลัพธ์ของ "ประชามติ" ที่ประชาชนได้ใช้อำนาจของตนเองเลือกแล้วนั้น  จะถูกส่งต่อให้กับ สส.ใหม่ (ส่วนใหญ่น่าจะมาจากพรรคเพื่อไทย)  ซึ่งได้ทำ "สัตยาบัน" ไว้แล้วว่าจะโหวตตามผล "ประชามติ"  แม้จะขัดกับผลประโยชน์ส่วนตนของ สส.ก็ตาม  และนี่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎหมายได้และ ปฏิรูปในทางที่ดีขึ้นได้

2.โค่นระบอบทักษิณ : รักษาการนายกฯ ยิ่งลักษณ์ควรออกมาทำ "เทียบเชิญชินวัตร" ซึ่งหมายถึง การส่งเทียบเชิญไปยังคนไทยทั้งประเทศให้มาโหวตกัน  ว่าจะเอา (เลือกพรรคเพือไทย) หรือไม่เอา (เลือกพรรคอื่นๆ รวม โหวตโน)  "ระบอบทักษิณ" กันแน่  หากพรรคเพื่อไทยได้คะแนนน้อยกว่าที่เหลือทั้งหมดจะถือว่า "ระบอบทักษิณ" แพ้  ดังนั้น  "ชินวัตรและญาติ" ขอยอมถอยเพื่อชาติ  จะไม่รับตำแหน่งนายกฯ และ รัฐมนตรีใดๆ ตลอดอายุสภาใหม่

ผลลัพธ์การเลือกตั้งครั้งก่อน 2554 พรรคเพื่อไทยได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 47.0%  (คะแนนทั้งหมดรวมโหวตโน)  ขณะที่มีกระแสคนเสื้อแดงอุดมการณ์คงไม่เลือกพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้  ดังนั้น หากประเมินคร่าวๆ  กปปส. น่าจะชนะเป็นต่อราว  3 : 1  โอกาสโค่นระบอบทักษิณในยกแรกก็ไม่ไกลแล้ว  ไปรณรงค์เลือก "โหวตโน" จะมีคุณค่ากว่าการชัตดาวน์ กทม.  มีคุณค่ากว่าการขัดขวางการเลือกตั้ง หรือ ไม่ไปเลือกตั้งเอาเลย  เพราะ 1 คะแนนเสียงที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งนั้นจะมีน้ำหนักในการ "โค่นระบอบทักษิณ" ได้ด้วย

ผมเชื่อว่านี่จะเป็น หนทางปลดล็อกการเมืองที่เหมาะสมสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อให้การเลือกตั้งเดินหน้าได้อย่างราบรื่น  ซึ่งจะทำให้เกิด win-win-win-win ถึง 4 ฝ่าย

1. รัฐบาลรักษาการได้เลือกตั้งตามแผนเดิม และ พรรคเพื่อไทยยังคงได้อำนาจนิติบัญญัติ และ บริหาร
2. กปปส. จะได้เป็นผู้นำการปฏิรูป และ ยังได้โค่น "ระบอบทักษิณ"  ระดับหนึ่งด้วย
3. คนไทยทั้งชาติได้เลือกตั้งอย่างราบรื่น  สังคมกลับมาสู่สันติภาพ  เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว
4. สำหรับโลกที่เชื่อมโยงกับประเทศไทย ได้ท่องเที่ยว  ค้าขาย และ ลงทุนกับประเทศไทยได้อย่างสบายใจ  โล่งใจ  โดยเฉพาะในภูมิภาค AEC นี้

ผมขอร้องวิงวอนแทนคนไทยส่วนใหญ่  เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ win-win แต่เป็น win-win-win-win  ขอให้ทั้งรัฐบาลรักษาการ และ กปปส.ได้โปรดพิจารณาข้อเสนอนี้ด้วยครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น