วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วิกฤติไก่งวง : อย่าห่วงแต่การเมือง

แน่นอนว่าสำหรับประเทศไทยเวลานี้  การเมืองยังคงร้อนระอุ  การเลือกตั้ง 2 กพ.ที่ผ่านไป แม้ไม่มีเรื่องราวปะทะกันมากนัก  แต่ก็ยังมีบางส่วนโดยเฉพาะภาคใต้ที่ไม่สามารถเปิดคูหาให้ลงคะแนนได้  สรุปก็คือมีราว 89.2% ของหน่วยเลือกตั้งที่เปิดให้ลงคะแนนได้  และ 45.8% คือสัดส่วนของประชากรที่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง  ปัญหาก็คือ ยังคงต้องมีการเลือกตั้งซ่อมเสริม อีกหลายครั้งเพื่อให้ได้ สส.ครบตามจำนวน  และ เปิดสภา และ เลือกนายกฯ ได้ซึ่งอาจกินเวลาอีกหลายเดือน

อย่างไรก็ดี  ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้  ได้สอดแทรกเข้ามา  "วิกฤติไก่งวง"  คือ ชื่อที่ผมตั้งขึ้นเองครึ่งปีก่อนหน้าวิกฤติจริงนี้  เป็นวิกฤติเศรษฐกิจที่จะเริ่มต้นจากประเทศ "ตุรกี" (อันดับ 17 ของโลก)   โดยวัดจากระดับสัญญาณเตือนภัย "Ruang Alarm" ที่มีค่าย่ำแย่ที่สุดใน 40 ประเทศใหญ่ของโลก  โดยค่านี้เกิดจากผลรวมของ ดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ GDP  3 ปีรวมเข้าด้วยกัน   ตุรกีมีค่านี้อยู่ที่ -22.4%   ซึ่งย่ำแย่พอๆ กับ ไทยในวิกฤติต้มยำกุ้ง (-21.2%)   แม้จะดีกว่า กรีซ (-44%) และ ไซปรัส (-34%) ในช่วงก่อนวิกฤติยูโรอยู่บ้างก็ตาม

แม้อาร์เจนติน่า ดูว่าจะมีปัญหาจากค่าเงินที่อ่อนลงอย่างเร็ว แต่ความจริงแล้วประเทศนี้มีค่าเงินแบบเป็น ทางการ และ ตลาดมืด ซึ่งอยู่ที่ระดับ 8 และ 13 เปโซต่อ 1 ดอลลาร์ตามลำดับ   "ตลาดมืด" นั้นปกติแล้วสะท้อนอุปสงค์และอุปทานที่แท้จริง  ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยหากอัตราเงินเฟ้อที่สูงระดับ 28% ของอาร์เจนตินา จะทำให้ระดับค่าเงินแบบเป็นทางการ  หากมีการผ่อนปรนค่าจำกัดในการซื้อเงินตราต่างประเทศ  จะอ่อนค่าลงไปเรื่อยๆ จากระดับ 8 เปโซไปใกล้เคียงกับ ระดับของ "ตลาดมืด"

ปัญหาของเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่จริงๆ จึงอยู่ที่ "ตุรกี" นั่นเอง ที่กังวลต่อการไหลออกของเงินทุน จึงประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย Repo แรงมากจากระดับ 4.5% ไป 10% ซึ่งเป็นระดับที่ช็อกผู้ประกอบการอย่างมาก  เพื่อรักษาเงินทุนไว้ไม่ให้ไหลออก  อย่างไรก็ดี  ประเทศตุรกี ตกอยู่ในสภาพที่ "ฟองสบู่แตก" อันเนื่องจาก กระแสเงินทุนที่ไหลเข้าในช่วงมาตรการ QE จะเปลี่ยนทิศไหลออกไปอย่างเร็วเมื่อมาถึงการลด QE ลง (อาจเทียบเคียงได้กับ BIBF ของไทยช่วงก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง)  และ นักลงทุนก็ไม่เชื่อมั่นอยู่ดีเนื่องจาก ปัญหาเรื่องของคดีคอร์รัปชั่น รวมถึง ปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูงเรื้อรัง   ดัชนีตลาดหุ้น และ ค่าเงิน Lira ยังคงดิ่งลงต่อเนื่อง   โอกาสที่เชื้อโรคนี้จะแพร่กระจายไปยังตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ อย่าง BRICS นั้นมีไม่น้อยเลย และ ประเทศไทยเองย่อมหลีกหนีปัญหานี้ไม่พ้นเช่นกัน

ดังนั้นตอนนี้ไทยเราจึงมีปัญหาทั้ง "วิกฤติม็อบนกหวีด" และ "วิกฤติไก่งวง" เป็นวิกฤติซ้อนวิกฤติทับกันอยู่ ต่อจากนี้ผมจะนำเสนอแผนเพื่อสยบทั้ง 2 วิกฤตินี้   โดยผมเริ่มจากข้อเสนอให้รีบเร่งแก้ไขวิกฤติการเมืองไปก่อนเลย  ด้วยแผน "อรหันต์ไท้เก๊ก" ซึ่งมีกุญแจ 3 ดอก ดังนี้

1. นิมนต์ "พระสงฆ์" ชื่อดังของไทย 9 รูปมาเป็น "คนกลาง" เทศนาธรรมถ่ายทอดสด  เพื่อสลายความขัดแย้งรุนแรงของในประเทศไทย

2. "เริ่มต้น" ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง (ซ่อมเสริม) :  อันที่จริง กปปส.ก็ได้เริ่มเดินหน้าไปแล้ว  ด้วยการจัดทำแบบสอบถามเกี่ยวกับ "ประชามติ"  เราจะทำ "ประชามติ" กันทั่วประเทศ  เพื่อเปลี่ยนแปลงกฎหมายสำคัญๆ ในหลายเรื่อง  อาจถามว่า  โทษของคดีคอร์รัปชั่นควรทำอย่างไร?  ผู้ว่าฯ ควรมาจากการเลือกตั้งไหม? ตำรวจควรขึ้นกับใคร?   สภาประชาชน หรือว่า สภาผู้แทนฯ ดีกว่ากัน?   นี่จะเป็น "ประชาธิปไตยทางตรง" เพราะ สส.ใหม่จะมีหน้าที่แค่ยกมือตามเสียงของ "ประชามติ" เท่านั้น   ไม่ใช่  ยกมือตามคำสั่งนายทุนพรรค  ดังนั้น กปปส.น่าจะพอใจในเรื่องนี้

3.โค่นระบอบทักษิณ :  คุณยิ่งลักษณ์ควรออกมาทำ "ข้อเสนอชินวัตร" โดยสัญญาว่าจะยอมถอยเพื่อชาติ  หมายถึง  "ชินวัตรและญาติ" จะขอเว้นวรรคทางการเมืองตลอดอายุสภาฯ  หาก คุณสุเทพและพวก  ไม่คัดค้านขัดขวางการเลือกตั้ง และ ยอมสลายม็อบนกหวีดไป   การเลือกนายกฯ อาจใช้วิธี "ประชามติ" ว่าจะเลือกจาก สส.ท่านใดดี  แล้วให้ สส.ยกมือโหวตตามนั้น

ขณะที่ทั่วโลกกำลังจับจ้องวิธีการสลายความขัดแย้งของประเทศไทยอยู่นั้น  ก้าวย่างสำคัญของคุณยิ่งลักษณ์นี้  อาจหมายถึง การยอมสละ "อำนาจ" ที่พึงจะได้รับตามระบอบ  เพื่อแลกกับ 2 สิ่งที่สำคัญกว่า คือ "ประชาธิปไตย" และ "สันติภาพ" ของประเทศไทย  ไม่แน่ว่าความหวังของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพก็อาจอยู่ไม่ไกล

ด้วยกุญแจ 3 ดอกนี้   จะเป็นผลดีต่อทั้ง 4 ฝ่าย ดังนี้คือ
1. ชินวัตร : เลือกตั้งราบรื่น  ได้จัดตั้งรัฐบาลเร็ว  ได้แสดงความใจกว้าง และ ได้ลุ้นโนเบลสันติภาพ
2. กปปส. :ได้ "เริ่มต้น" ปฏฺิรูปก่อนเลือกตั้ง (ซ่อมเสริม)  และ ได้โค่นระบอบทักษิณ (ยกแรก)
3. คนไทยและประเทศไทย : ได้ประชาธิปไตยทางตรง  ได้ปฏิรูป   ได้สันติสุขความปรองดองกลับคืนมา
4. โลก : ได้ท่องเที่ยว  ลงทุน และ ค้าขายกับไทยอย่างสบายใจดังเดิม

สำหรับแผนในการรับมือ "วิกฤติไก่งวง" ซึ่งเป็นวิกฤติเศรษฐกิจระดับโลกนั้น ผมมีแผนที่จะได้เขียนในบทความหน้าที่มีชื่อว่า "ยุทธศาสตร์888" ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยโตได้ 8% โดยหนี้ภาครัฐไม่เพิ่มเลย  แทนที่จะเติบโตราว 3% หรือต่ำกว่าตามที่หลายๆ ฝ่ายได้คาดกันไว้  แน่นอนว่า  นักเศรษฐศาสตร์เกือบทั้งประเทศจะต้องงแน่ๆ  เพราะหลักเศรษฐศาสตร์ธรรมดานั้นจะทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้  แต่ "เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก" ทำได้สบายมากครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น