วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

4 กับดัก 4 ปฏิทรรศน์

จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์   ซึ่งได้รับการยอมรับให้เป็น "บิดาแห่งเศรษฐศาสตร์มหภาค"  ได้จัดตั้งชื่อสภาพที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำมากๆ ติดดิน  สภาพคล่องล้นเหลือ  แต่ผู้คนก็ยังไม่กล้าจะลงทุนหรือบริโภค  นั่นคือ "กับดักสภาพคล่อง (Liquidity Trap)   ขณะที่ได้ชี้ถึงสาเหตุแห่งปัญหานั้นคือ  ปฏิทรรศน์ของความมัธยัสถ์ (Paradox of Thrift)  หมายถึง  เมื่อทุกๆ คนพยายามออมเงินมากขึ้น  จะทำให้การใช้จ่ายรวมลดลง  ทำให้รายได้ของแต่ละคนลดลงไปด้วย  ทำให้ไม่สามารจะออมเงินได้ในที่สุด   เช่น  รัฐบาลของหลายประเทศพยายามทำเรื่องนี้อยู่  แต่กลับพบว่าการรัดเข็มขัดการคลังนั้นส่งผลทางตรงกันข้าม  เศรษฐกิจกลับแย่ลง  รายได้ภาษีลดลง  จนในที่สุดแล้วไม่สามารถรัดเข็มขัดการคลังตามเป้าหมายได้

สำหรับ 4 ทฤษฎีใหม่ของเศรษฐศาสตร์ไท้เก๊กนั้น  แต่ละทฤษฎีก็ประกอบไปด้วย  "กับดัก" ซึ่งเป็นตัวปัญหา และ "ปฏิทรรศน์" ซึ่งเป็นเหตุแห่งปัญหาด้วยกันทั้งสิ้น   ก่อนจะได้หนทางแก้ไขปัญหาเป็น 4 ทฤษฎี 4 ด้านของศาสตร์แขนงใหม่นี้

ทฤษฎีการคลังไท้เก๊ก : ปัญหาด้านการคลังที่กำลังปวดหัวอยู่ทั่วโลกนี้คือ "กับดักเคนส์" (Keynes Trap)  หมายถึงสภาพที่รัฐบาลต่างๆ  ไม่ว่าจะเลือกทาง  รัดเข็มขัดการคลัง  หรือ คลายเข็มขัดการคลัง  ก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลให้หนี้สินภาครัฐ ต่อ GDP สูงขึ้นทั้งสิ้น  ในประเทศที่อ่อนแอในยูโรโซน  ก็โดนเรื่องนี้เล่นงานอย่างหนัก   ส่วนสาเหตุของเรืื่องนี้นั้น  หลายๆ คนอาจคิดว่าเป็นเพราะ นโยบายประชานิยมแต่เพียงอย่างเดียว  แต่ความจริงแล้ว  สาเหตุของเรื่องนี้คือ  "โครงสร้างประชากร"  เป็นผู้สูงอายุมากขึ้น  ทั้งประชาชน  ภาคเอกชน และ รัฐบาลต่างต้องเร่งกันเตรียมเงินเพื่อบำนาญกันอย่างเต็มที่   เมื่อรัฐบาลทุ่มเงินลงไปทั้งสมทบเงินทางตรง หรือ ให้ลดหย่อนภาษีเป็นการสมทบเงินทางอ้อมก็ดี  เหล่านี้เป็นการใช้เงินรัฐแบบ "เคลื่อนเป็นนิ่ง"  แม้จะเป็นการสร้างความมั่นคงระยะยาว   แต่แทนที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ กลับทำให้เศรษฐกิจแย่ลง   นอกจากนี้เงินกองทุนบำนาญ  ลงทุนราว 70-80% ในพันธบัตรรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ  ดังนั้น  การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์กองทุนบำนาญจึงหมายถึง  หนี้สินที่เพิ่มขึ้นของภาครัฐไปด้วย  ผมเรียกสิ่งนี้ว่า  "ปฏิทรรศน์ของกองทุนบำนาญ" (Paradox of Pension)

ทฤษฎีการเงินไท้เก๊ก :  การที่ธนาคารกลางก็ประสบกับปัญหา "กับดักเงินเฟ้อ" (Inflation Trap)  โดยหลักๆ แล้วปัญหามาจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น  ธนาคากลางเชื่อว่าจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ  โดยชะลอสินเชื่อ  แต่ในทางตรงกันข้าม   อัตราดอกเบี้ยนั้นส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินให้สูงขึ้นไปด้วย ซึ่งจะส่งผลต่อราคาสินค้าต่อเนื่องไป  ผลลัพธ์จึงอาจมาทิศทางตรงกันข้ามกับที่ตั้งใจไว้ได้  ผมเรียกว่า "ปฏิทรรศน์ของดอกเบี้ย"  (Paradox of Interest)

ทฤษฎี FX ไท้เก๊ก : การที่ธนาคารกลางพยายามดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้คงที่อยู่กับ "ยูโร" จึงเกิดปัญหาของ "กับดักยูโร" (Euro Trap)  คือ ประเทศที่อ่อนแอไม่สามารถแ่ข่งขันได้  เกิดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง และ สร้างหนี้สินต่างประเทศจำนวนมาก   เมื่อความเชื่อมั่นลดลง  เงินเริ่มไหลออกนอกประเทศ  ก็จะเกิดปัญหามากมายจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือทางการเงิน   สิ่งนี้มีต้นเหตุมาจาก  การพยายามรักษาอัตราแลกเปลี่ยนที่คงที่   โดยหวังให้มีเสถียรภาพความมั่นคง  แต่ในทางตรงกันข้ามการผูกค่าเงินกลับส่งผลให้เสียสมดุลด้านต่างประเทศ  และ กลับส่งผลให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในที่สุด  ผมเรียกสิ่งนี้ว่า  "ปฏิทรรศน์ของการผูกค่าเงิน" (Paradox of Peg)

ทฤษฎีบำนาญไท้เก๊ก : ปัจจุบันสำนักงานประกันสังคมพยายามเรียกเก็บเงินสมทบเพิ่มขึ้นจากผู้ประกันตนจนเงินไม่พอใช้  เกิดเป็น "กับดักประกันสังคม"  (Social Security Trap)  ยิ่งออมก็ยิ่งจน  เพราะ เงินผลตอบแทนของประกันสังคมคิดเป็นเปอร์เซนต์แล้วจะต่ำกว่าการยืมเงินจากบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลอยู่มาก  การสมทบเงินมากขึ้นโดยหวังว่าจะสร้างความมั่งคั่งมั่นคงให้กับผู้ประกันตน  แต่สุดท้ายแล้วผลกลับออกมาตรงกันข้าม  โดยผู้ประกันตนซึ่งส่วนใหญ่รายได้น้อยนั้นจะกลับมีเงินไม่พอใช้  ต้องไปกู้ยืมเงินจากแบงก์และนอนแบงก์  ในอัตราดอกเบี้ยสูงลิ่ว  ทำให้จนลงๆ ไปเรื่อยๆ   สาเหตุตรงนี้เองผมเรียกว่า  "ปฏิทรรศน์ของการสมทบเงิน" (Paradox of Contribution)

จะเห็นว่าทุกทฤษฎีใหม่ันั้น  ได้มีการสร้างตัวปัญหา และ ต้นเหตุแห่งปัญหานั้น  คล้ายๆ กับ ปรมาจารย์ "เคนส์" ที่ได้สร้างศัพท์ใหม่อย่าง "กับดักสภาพคล่อง" และ "ปฏิทรรศน์ของความมัธยัสถ์"  ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมากๆ  เพราะ การรู้ถึงสาเหตุของปัญหาอย่างแน่ชัด  จึงจะนำไปสู่ทฤษฎีเพื่อแก้ไขปัญหานั้นๆ ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น