วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

8 ทฤษฎีวิถีไท้เก๊ก

ในที่สุดผมไ้ด้คิดค้นทฤษฎีใหม่ออกมาได้ 8 ทฤษฎี  โดยเป็น 4 ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ คือ การคลังไท้เก๊ก  การเงินไท้เก๊ก  FX ไท้เก๊ก และ บำนาญไท้เก๊ก  อีก 2 ทฤษฎีทางรัฐศาสตร์คือ เลือกตั้งไท้เก๊ก และ ปรองดองไท้เก๊ก  และมี 1 ทฤษฎีด้านการลงทุน คือ หุ้นเงาไท้เก๊ก  และ สุดท้าย คือ ทฤษฎีเพื่อการศึกษาในการสร้างองค์ความรู้ใหม่  เรียกว่า  ฟินิกซ์ไท้เก๊ก  ถ้ามีเวลาจะค่อยๆ ลงรายละเอียดไว้ครับ

ทางเศรษฐศาสตร์คงไม่ต้องลงรายละเอียดแล้ว  เพราะ เขียนไปมาก

เลือกตั้งไท้เก๊ก  คือ การเลือกตั้งแบบไม่ต้องใช้เงิน  โดยเลือกแบบ 2 ขั้น คือ เลือกจากตัวแทนชุมชนก่อน แล้วใช้วิธีจับสลากเอา  แบบนี้ก็ไม่ตั้องใช้เงินเลยเพื่อการเลือกตั้ง  การซื้อเสียงจะหายไปหมด และ เราจะได้ตัวแทนที่เป็นชาวบ้านจริงๆ ไม่ใช่นายทุนเข้ามาเป็น สส.  พวกเขาก็จะทำเพื่อชุมชนอย่างแท้จริง  ตรงไปตรงมา  เป็นคนดี  

ปรองดองไท้เก๊ก คือ แนวคิดที่ออกจากกรอบเดิมที่ว่า หากทักษิณได้ อำมาตย์จะเสีย  และ หากทักษิณเสียอำมาตย์จะได้  หากเป็นกรอบที่ ทั้งทักษิณได้อำมาตย์ได้  นั่นจึงเป็นคำตอบของการปรองดอง  โดยควรเริ่มจากการอโหสิกรรมเสียก่อน  จัดพิธีแบบนี้ขึ้นมาเพื่อลดความโกรธต่อฝ่ายตรงข้ามของคนไทยด้วยกันเอง  จากนั้น  คุณทักษิณกลับมาติดคุก  แต่จัดแบบ ไม่ลำบาก ไม่นานและไม่เสี่ยง  ก็จัดอย่างหรูให้เลย  ภายใน 4 เดือนก็เขียนหนังสือ "วิถีชินวัตร" ซึ่งก็คงมีคนรอมากมาย  เชิญพระมาเทศน์ทุกสัปดาห์ที่คุกพร้อมออกอากาศในเรื่องของการให้อภัย  การสำนักผิด  ความสามัคคี เป็นต้น  ก็เป็นการชุบตัวว่า คุณทักษิณเปลี่ยนจากคนเลวเป็นคนดีแล้ว   จากนั้น  เราก็ทำเรื่องเสนอให้ ป๋าเปรม และ คุณทักษิณ รับรางวัลโนเบลร่วมกัน  ในฐานะที่ร่วมกันสร้างสันติภาพในประเทศไทย  นี่คือ การเดินตามแนวทางแบบ Mandela Model  เลยครับ  

หุ้นเงาไท้เก๊ก : ปกติแล้วหุ้นที่ P/E ต่ำก็จะมี growth ต่ำด้วยเป็น value stocks   และ หุ้น P/E สูงก็มี growth สูง คือ growth stocks  แต่หุ้นเงา คือ หุ้นที่มี P/E ต่ำ แต่มี growth สูง  ก็เลือกๆ มา  ก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีมาก ๆในการลงทุนอาจเป็น 100% หรือกว่านั้นได้ไม่ยาก  เพราะ จะได้ผลจากค่า P/E ที่ปรับสูงขึ้น และ จากค่า E ที่สูงขึ้นด้วย 

สุดท้าย คือ ฟินิกซ์ไท้เก๊ก  คือ ทฤษฎีที่เอาไว้สร้างทฤษฎีใหม่  โดยลากเส้นทแยงมุมจากกรอบความรู้เดิม  เป็นการคิดสวนทางกับความรู้เดิม   เติมกลายเป็นปีก 2 ข้างของความรู้เดิมๆ  เราก็จะได้กรอบความรู้ใหม่  ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อคนจำนวนมาก และ เป็นประโยชน์ต่อโลกได้อย่างมากด้วย   


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น