วิกฤติเศรษฐกิจโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นครั้งใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2013 นี้ ผมใช้ชื่อว่า "วิกฤติหมูหัน" ซึ่งเป็นเกิดการทรุดตัวของยุโรปและจีนรวมกันเป็นหลัก ขณะที่ ศจ.รูบินี ตั้งชื่อไว้แล้วว่า "Perfect Storm" และ สำนักข่าวต่างประเทศบางแห่งตั้งชื่อเตรียมไว้แล้วว่า "วิกฤติ 3D : Double Dip Depression"
ไม่ว่าจะใช้ชื่อเช่นไร อาการของปีหน้าน่าจะสาหัสมากๆ เพราะ ยุโรปยังคงแก้ไขปัญหาผิดทางด้วยการมองปัญหายูโรโซนเพียงแค่ "หนี้การคลัง" จึงบีบให้ประเทศอ่อนแอรัดเข็มขัดการคลังอย่างแรงทำให้สถานการณ์แย่ลงไปเรื่อยๆ แม้ว่าทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง ซึ่งก็คือ ยอมให้กรีซ และ PIIGS ทั้งหมดออกจากเงินยูโรเพื่อสร้างสมดุล แต่จะกระทบต่อการเคลื่อนไหวของเงินทุนและเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในระยะสั้น โดยมีการคาดการณ์ความเสียหายได้ถึง 17 ล้านล้านยูโร สำหรับญี่ปุ่นนั้นเดินหน้าเข้าสู่ภาวะถดถอยหลังจากการมีข้อพิพาทหมู่เกาะกับจีนทำให้ดีมานด์ของสินค้าแบรนด์ญี่ปุ่นลดฮวบ ส่วนอเมริกาก็จะมีปัญหาของ "หน้าผาการคลัง" คงตกลงด้วยการรัดเข็มขัดอยู่บ้างซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจอาจถึงขั้นถดถอยอยู่ดี และ จีนซึ่งส่งออกไปยัง 3 ประเทศนี้เป็นหลักก็คงหลีกหนีความเสียหายไปไม่พ้น ดัชนีตลาดหุ้นซึ่งเป็นตัวชี้นำเศรษฐกิจล่วงหน้ายืนที่ระดับบริเวณต่ำสุดในรอบ 4 ปีดังนั้นส่อแววว่า จีนน่าจะ hard landing
คราวนี้มาถึงวิธีการรับมือวิกฤติ โดยนักเศรษฐศาสตร์สำนักเคนส์ นั้นเชื่อในนโยบายการคลังแนะว่า รัฐบาลควรทุ่มงบประมาณเข้าไปไม่อั้น ไม่ต้องแคร์ถึงหนี้สินภาครัฐแต่อย่างใด กลุ่มนี้ไม่เห็นด้วยกับนโยบายการรัดเข็มขัดการคลังรวมไปถึง QE ด้วย ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์สำนักการเงินนิยมนั้นเชื่อมั่นเฉพาะในนโยบายการเงิน แนะนำว่ารัฐบาลควรรัดเข็มขัดการคลังเพราะ เชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจเท่าใดนัก และ ธนาคารกลางควรคงดอกเบี้ยต่ำๆ ต่อไปพร้อมๆ กับเดินหน้าทำ QE ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ด้วยข้อจำกัดทางนโยบายการคลังและการเงิน การจะหวังว่าวิธีการแบบเดิมๆ จะช่วยให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวกลับมาได้นั้นคงไม่ง่าย "สำนักเศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก" ซึ่งเป็นสำนักเศรษฐกิจใหม่ของเอเชียบูรพา ที่ได้นำเอาภูมิปัญญาตะวันออก (เต๋าและไท้เก๊ก) เข้าไปผสมผสานกับ ภูมิปัญญาตะวันตก (ทุนนิยม) สร้างขึ้นมาเป็น 4 ทฤษฎีใหม่ คือ การคลังไท้เก๊ก การเงินไท้เก๊ก FX ไท้เก๊ก และ บำนาญไท้เก๊ก โดย "การคลังไท้เก๊ก" เป็นแนวคิดที่หักล้างทฤษฎีการคลังของจอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ (บิดาแห่งเศรษฐศาสตร์มหภาค) แบบเดิมๆ เป็นการเปลี่ยนเศรษฐศาสตร์มหภาคอย่างมากถึงขั้น "การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์" (paradigm shift) กันเลยทีเดียว
ผมและสำนักพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ คือ ฝ่ายผลิตสำหรับองค์ความรู้ใหม่นี้ หาก กระทรวงศีกษาฯ รับหน้าที่เป็นฝ่ายการตลาด เพื่อนำมาความรู้ใหม่ของโลกนี้เข้าบรรจุในหลักสูตรของชั้น ม.6 (ราว5 แสนคน) และ ปริญญาตรีสายสังคมศาสตร์ปี 2 (ราว 2 แสนคน) ก็จะทำให้นักเรียนนักศึกษาไทยได้เข้าใจถึงประเด็นที่ผิดพลาดของเศรษฐศาสตร์มหภาคที่ร่ำเรียนกันมานาน ดังนั้น ประเทศไทยก็อาจได้เยาวชนราว 7 แสนคนต่อปีที่จะมีความรู้ก้าวล้ำนำหน้านักศึกษาของมหาวิทยาลัยระดับท็อปเทนของโลกเสียอีก และ ความรู้ใหม่นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะ เกี่ยวข้องกับการแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจโลก อันจะมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรโลกถึง 7 พันล้านคน ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของโลกเองก็แทบจะหาคำตอบดีๆ ให้กับวิกฤติเศรษฐกิจโลกไม่ได้ แต่เยาวชนไทยจะสามารถตอบได้เป็นฉากๆ อย่างง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ
ผมจะไม่เรียกสิ่งนี้ว่า "การปฏิรูปการศึกษา" เพื่อให้เยาวชนไทยมีความรู้วิ่งไล่ทันเพื่อนบ้านใน AEC อย่างมาเลเซีย หรือ สิงคโปร์ แต่นี่จะเป็น "การปฏิวัติการศึกษา" เพื่อให้เยาวชนไทยมีความรู้ก้าวล้ำนำหน้ากว่า เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อังกฤษและอเมริกา กลายเป็นผู้นำของโลกด้านความรู้ใหม่ทางเศรษฐศาสตร์กันเลย ท่านผู้หลักผู้ใหญ่ของกระทรวงศึกษาฯ หากอ่านมาถึงบรรทัดนี้ ก็อาจต้องขยี้ตาแล้วกลับไปอ่านใหม่ว่ามันจะไปได้ขนาดนั้นเลยหรือ ?? "ถ้าพวกท่านบ้าพอที่คิดว่าจะพลิกโลกการศึกษาของไทยได้ บางทีพวกท่านน่าจะทำได้จริง" (ดัดแปลงจากโฆษณา Think Different ของ Apple) ผมเชื่อว่านี่นับเป็นโอกาสทองในรอบศตวรรษที่ประเทศไทยจะเริ่มก้าวขึ้นเป็นผู้นำโลกด้านทฤษฎีความรู้ใหม่ๆ โดยในอนาคตอาจมีเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้คิดหักล้าง 4 ทฤษฎีใหม่ที่ผมคิดค้นขึ้น แล้วสร้างเป็นทฤษฎีใหม่ๆ อีกสัก 8 ทฤษฎีก็เป็นได้ ท่านรมว.ศึกษาฯ คงไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไป และน่าจะทำเรื่องนี้ให้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของรัฐบาลชุดนี้เป็นแน่ หากทำสำเร็จท่านก็อาจได้รับสมญานาม "บิดาแห่งการปฏิวัติการศึกษาไทย"
แต่หากนักเรียนนักศึกษาคนใด ไม่อยากทนรอความเชื่องช้าของระบบราชการแบบไทยๆ ซึ่งอาจใช้เวลาหลายปีเรียนจบกันไปหลายรุ่น จากความรูัใหม่ๆ ของโลกก็อาจกลายเป็นความรู้เก่าๆ ไปเสีย ผมขอแนะนำให้รีบไปหาอ่านหนังสือ "เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก" (Taiji-Econ. : ศาสตร์แขนงใหม่กู้วิกฤติโลก) เพื่อนำหน้าคนอื่นอยู่สักก้าวนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น