วิธีการก็คือ ประเทศไทยควรประกาศว่าไทยต้องการเห็นสันติภาพของโลก พร้อมเป็นมิตรต่อทุกประเทศ ยื่นข้อเสนอต่อท่านผู้นำเกาหลีเหนือ หากยินดีเข้าร่วมโต๊ะเจรจาสันติภาพอีกครั้ง ประเทศไทยจะยินดีบริจาคข้าวสาร 1 แสนตัน เพื่อช่วยเหลือประชาชนเกาหลีเหนือที่น่าจะเป็นอยู่อย่างยากลำบากในภาวะตึงเครียดจากความเสี่ยงของสงคราม
ในภาวะปัจจุบัน ประเทศมหาอำนาจได้ใช้ "ไม้แข็ง" เล่นงานเกาหลีเหนือ ด้วยการคว่ำบาตรเพิ่มอีก 2 ปี (ญี่ปุ่น) ฝึกซ้อมรบ (เกาหลีใต้-อเมริกา) คำพูดกดดันเพื่อโดดเดี่ยวประเทศเกาหลีเหนือ (รัสเซีย-จีน) แน่นอนว่า สำหรับประเทศคู่กรณีอย่าง เกาหลีใต้ และ อเมริกา คงไม่สามารถเล่นบทบาท "อ่อนข้อ" ได้ พร้อมดำเนินการแบบตาต่อตาฟันต่อฟันทันที สำหรับประเทศลูกพี่อย่าง จีน และ รัสเซีย ซึ่งเป็นมหาอำนาจก็ยังคงเล่นบท "ไม้แข็ง" อยู่เช่นกัน วิธีเช่นนี้อาจบีบให้เกาหลีเหนือจำเป็นต้องสู้อย่างบ้าเลือดและจนตรอก
แต่สำหรับประเทศไทยนั้นแตกต่างออกไป ขณะที่ประเทศขนาดใหญ่ เลือกใช้ "stick" หรือไม้เรียวในการดูแลปัญหาเกาหลีเหนือ ประเทศไทยอาจแสดงบทบาทสร้างสรรค์ด้วยการใช้แครอท "carrot" เพื่อจูงใจให้เกาหลีเหนือลดภาวะความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีลงได้
ท่านผู้นำเกาหลีเหนือ ความจริงแล้วอาจกำลังพิจารณาเพื่อหาทางลงจาก ภาวะตึงเครียดจากการทำสงครามอยู่ แต่หาวิธีที่จะเป็นไปอย่างสง่างามและไม่เสียหน้ามากนัก ข้อเสนอของไทยแบบนี้เปรียบเหมือน "บันได" เพื่อให้ท่านผู้นำหาทางลงได้อย่างดี โดยมีข้ออ้างว่าทำไปเพื่อปากท้องของประชาชนเกาหลีเหนือ
สำหรับประเทศไทย หากถามว่า เราจะระบายข้าวในสต๊อกอย่างไรให้มีกำไรได้หลายเท่า ผมเชื่อว่าทั้งคนไทยและคนทั้งโลกก็คงตอบเหมือนๆ กันว่า มันเป็นไปไม่ได้หรอก เอาแค่ไม่ให้ขาดทุนมากก็ยังยากเลย แต่เรื่องนี้อาจเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการ "ระบายข้าว" ของไทย คือ ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างสันติภาพ และ แก้ไขปัญหาความอดอยากของโลก
ข้าวสาร 1 แสนตันมูลค่าอาจตกราว 50 ล้านดอลลาร์ หากประเมินทางเศรษฐกิจแบบตรงๆ นี่คือ การระบายข้าวแบบขาดทุนเต็มๆ แต่หากประเมินทางเศรษฐกิจแบบอ้อมๆ เรื่องนี้อาจช่วยให้โลกเราหลีกเลี่ยงภาวะสงครามนิวเคลียร์ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายนับล้านล้านดอลลาร์ได้ ดังนั้น เมื่อประเมินกำไรทางการเมืองระหว่างประเทศ และทางสังคม รวมเข้าไปด้วยแล้ว ต้องถือว่าเป็นการ "ระบายข้าว" ที่มีกำไรได้เป็นแสนเป็นล้านเท่าตัวเลยทีเดียว
และถึงแม้ว่าเกาหลีเหนือจะไม่รับข้อเสนอนี้ ไทยก็ยังแสดงให้ทั้งโลกได้เห็นถึงความพยายามมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างสันติภาพต่อโลก และ มีมนุษยธรรมสูง เป็นการยกระดับบทบาทของไทยบนเวทีการเมืองโลกได้ไม่น้อย
แต่หากทำเรื่องนี้ได้สำเร็จไม่่เพียงแต่ช่วยให้ชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย 4 หมื่นคนในเกาหลีใต้ปลอดภัยเท่านั้น ยังรวมไปถึง สันติภาพของทั้งโลกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องนี้มีของแถม คือ การแก้ไขปัญหาความอดอยากประชากรในภูมิภาค รวมไปถึง การแก้ไขปัญหาการระบายข้าวขาดทุนของไทยอีกด้วย ดังนั้น นี่จึงเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกถึง 3 ตัวด้วยกัน
ท่านนายกฯ หญิงของไทยน่าจะชื่นชอบเชี่ยวชาญมากๆ สำหรับบทบาทแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นบทบาทที่แม้แต่ผู้นำของมหาอำนาจเองก็ไม่สามารถจะเล่นเพื่อสร้างสันติภาพได้ ดังนั้น หากนายกฯ หญิงของพวกเราเล่นบทบาทแห่งประวัติศาสตร์นี้ได้โดดเด่นสร้างสรรค์ "รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ" อาจอยู่ใกล้แค่เอื้อมเลยละครับ
และถึงแม้ว่าเกาหลีเหนือจะไม่รับข้อเสนอนี้ ไทยก็ยังแสดงให้ทั้งโลกได้เห็นถึงความพยายามมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างสันติภาพต่อโลก และ มีมนุษยธรรมสูง เป็นการยกระดับบทบาทของไทยบนเวทีการเมืองโลกได้ไม่น้อย
แต่หากทำเรื่องนี้ได้สำเร็จไม่่เพียงแต่ช่วยให้ชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย 4 หมื่นคนในเกาหลีใต้ปลอดภัยเท่านั้น ยังรวมไปถึง สันติภาพของทั้งโลกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องนี้มีของแถม คือ การแก้ไขปัญหาความอดอยากประชากรในภูมิภาค รวมไปถึง การแก้ไขปัญหาการระบายข้าวขาดทุนของไทยอีกด้วย ดังนั้น นี่จึงเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกถึง 3 ตัวด้วยกัน
ท่านนายกฯ หญิงของไทยน่าจะชื่นชอบเชี่ยวชาญมากๆ สำหรับบทบาทแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นบทบาทที่แม้แต่ผู้นำของมหาอำนาจเองก็ไม่สามารถจะเล่นเพื่อสร้างสันติภาพได้ ดังนั้น หากนายกฯ หญิงของพวกเราเล่นบทบาทแห่งประวัติศาสตร์นี้ได้โดดเด่นสร้างสรรค์ "รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ" อาจอยู่ใกล้แค่เอื้อมเลยละครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น