วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

บทบาทดีๆ ที่ประเทศไทยควรมีต่อคาบสมุทรเกาหลี

บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อมุ่งหวังในการสร้างสันติภาพของคาบสมุทรเกาหลี  โดยที่ประเทศไทยอาจมีบทบาทสำคัญและสร้างสรรค์  โดยจะได้ประโยชน์ทั้งต่อประเทศไทยและต่อโลก

วิธีการก็คือ ประเทศไทยควรประกาศว่าไทยต้องการเห็นสันติภาพของโลก   พร้อมเป็นมิตรต่อทุกประเทศ   ยื่นข้อเสนอต่อท่านผู้นำเกาหลีเหนือ  หากยินดีเข้าร่วมโต๊ะเจรจาสันติภาพอีกครั้ง  ประเทศไทยจะยินดีบริจาคข้าวสาร 1 แสนตัน  เพื่อช่วยเหลือประชาชนเกาหลีเหนือที่น่าจะเป็นอยู่อย่างยากลำบากในภาวะตึงเครียดจากความเสี่ยงของสงคราม

ในภาวะปัจจุบัน  ประเทศมหาอำนาจได้ใช้ "ไม้แข็ง" เล่นงานเกาหลีเหนือ  ด้วยการคว่ำบาตรเพิ่มอีก 2 ปี (ญี่ปุ่น)  ฝึกซ้อมรบ (เกาหลีใต้-อเมริกา)  คำพูดกดดันเพื่อโดดเดี่ยวประเทศเกาหลีเหนือ (รัสเซีย-จีน)  แน่นอนว่า  สำหรับประเทศคู่กรณีอย่าง เกาหลีใต้ และ อเมริกา คงไม่สามารถเล่นบทบาท "อ่อนข้อ" ได้ พร้อมดำเนินการแบบตาต่อตาฟันต่อฟันทันที   สำหรับประเทศลูกพี่อย่าง จีน และ รัสเซีย ซึ่งเป็นมหาอำนาจก็ยังคงเล่นบท "ไม้แข็ง" อยู่เช่นกัน  วิธีเช่นนี้อาจบีบให้เกาหลีเหนือจำเป็นต้องสู้อย่างบ้าเลือดและจนตรอก  

แต่สำหรับประเทศไทยนั้นแตกต่างออกไป   ขณะที่ประเทศขนาดใหญ่ เลือกใช้ "stick" หรือไม้เรียวในการดูแลปัญหาเกาหลีเหนือ  ประเทศไทยอาจแสดงบทบาทสร้างสรรค์ด้วยการใช้แครอท "carrot" เพื่อจูงใจให้เกาหลีเหนือลดภาวะความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีลงได้   

ท่านผู้นำเกาหลีเหนือ  ความจริงแล้วอาจกำลังพิจารณาเพื่อหาทางลงจาก ภาวะตึงเครียดจากการทำสงครามอยู่  แต่หาวิธีที่จะเป็นไปอย่างสง่างามและไม่เสียหน้ามากนัก   ข้อเสนอของไทยแบบนี้เปรียบเหมือน "บันได" เพื่อให้ท่านผู้นำหาทางลงได้อย่างดี   โดยมีข้ออ้างว่าทำไปเพื่อปากท้องของประชาชนเกาหลีเหนือ  

สำหรับประเทศไทย  หากถามว่า เราจะระบายข้าวในสต๊อกอย่างไรให้มีกำไรได้หลายเท่า   ผมเชื่อว่าทั้งคนไทยและคนทั้งโลกก็คงตอบเหมือนๆ กันว่า  มันเป็นไปไม่ได้หรอก  เอาแค่ไม่ให้ขาดทุนมากก็ยังยากเลย  แต่เรื่องนี้อาจเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการ "ระบายข้าว" ของไทย คือ ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างสันติภาพ และ แก้ไขปัญหาความอดอยากของโลก

ข้าวสาร 1 แสนตันมูลค่าอาจตกราว 50 ล้านดอลลาร์  หากประเมินทางเศรษฐกิจแบบตรงๆ นี่คือ การระบายข้าวแบบขาดทุนเต็มๆ   แต่หากประเมินทางเศรษฐกิจแบบอ้อมๆ  เรื่องนี้อาจช่วยให้โลกเราหลีกเลี่ยงภาวะสงครามนิวเคลียร์  ซึ่งอาจสร้างความเสียหายนับล้านล้านดอลลาร์ได้   ดังนั้น เมื่อประเมินกำไรทางการเมืองระหว่างประเทศ และทางสังคม  รวมเข้าไปด้วยแล้ว  ต้องถือว่าเป็นการ "ระบายข้าว" ที่มีกำไรได้เป็นแสนเป็นล้านเท่าตัวเลยทีเดียว

และถึงแม้ว่าเกาหลีเหนือจะไม่รับข้อเสนอนี้   ไทยก็ยังแสดงให้ทั้งโลกได้เห็นถึงความพยายามมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างสันติภาพต่อโลก และ มีมนุษยธรรมสูง   เป็นการยกระดับบทบาทของไทยบนเวทีการเมืองโลกได้ไม่น้อย

แต่หากทำเรื่องนี้ได้สำเร็จไม่่เพียงแต่ช่วยให้ชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย 4 หมื่นคนในเกาหลีใต้ปลอดภัยเท่านั้น  ยังรวมไปถึง สันติภาพของทั้งโลกด้วย   ไม่เพียงเท่านั้น  เรื่องนี้มีของแถม คือ การแก้ไขปัญหาความอดอยากประชากรในภูมิภาค  รวมไปถึง  การแก้ไขปัญหาการระบายข้าวขาดทุนของไทยอีกด้วย   ดังนั้น  นี่จึงเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกถึง 3 ตัวด้วยกัน

ท่านนายกฯ หญิงของไทยน่าจะชื่นชอบเชี่ยวชาญมากๆ สำหรับบทบาทแบบนี้อยู่แล้ว  ซึ่งเป็นบทบาทที่แม้แต่ผู้นำของมหาอำนาจเองก็ไม่สามารถจะเล่นเพื่อสร้างสันติภาพได้   ดังนั้น  หากนายกฯ หญิงของพวกเราเล่นบทบาทแห่งประวัติศาสตร์นี้ได้โดดเด่นสร้างสรรค์  "รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ"  อาจอยู่ใกล้แค่เอื้อมเลยละครับ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น