วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557

รถไฟความเร็วสูง : ถ้าได้มาฟรีๆ จะยอมให้มีได้ไหม??

รถไฟความเร็วสูง เป็นโครงการที่ดูเหมือนว่าจะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล เพื่อสร้างโครงข่ายหลายเส้นทาง  อย่างน้อยๆ ก็ระดับ 8 แสนล้านบาท   อย่างไรก็ดี  บทความนี้จะมีโมเดลที่จะทำให้ไทยไม่ต้องเสียเงินซักบาท  เพื่อให้ได้รถไฟความเร็วสูงมาฟรีๆ

หลักการก็คือ การร่วมทุนกับต่างประเทศนั่นเอง  โดยการร่วมทุนนั้นจะมีประโยชน์ 3 ด้านดังนี้

1. ป้องกันปัญหาคอร์รัปชั่นได้ดีกว่า :  ญี่ปุ่น และ จีน มีมาตรฐานในการดูแลเรื่องนี้เข้มข้นกว่าประเทศไทยมาก  กรณีของประเทศเวียดนาม  ญี่ปุ่นได้จับได้ว่ามีการคอร์รัปชั่นส่งเรื่องให้เวียดนามว่ามีการรับเงินสินบน ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่การรถไฟไป 4 คน    เมื่อมีการร่วมทุนกันขึ้นจะเกิดการตรวจสอบดังนั้น  การตุกติกคอร์รัปชั่นก็จะทำได้ยากกว่า

2. เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี : เนื่องจาก ญี่ปุ่นและจีน มีทั้งเงินทุน รวมถึง เทคโนโลยีของรถไฟความเร็วสูง การร่วมทุนจะสนับสนุนให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีในด้านนี้ดีกว่า  ทั้งการดูแลตู้โดยสาร  การเดินรถ  การบริหารความปลอดภัย  รวมไปถึง การบริหารจัดการพื่นที่รอบสถานีด้วย 

3.ประหยัดต้นทุน : เรื่องนี้คือประเด็นสำคัญเลยก็ว่าได้  หากมีการร่วมลงทุนแบบ 51:49  ซึ่งก็หมายถึงว่า ไทยจะประหยัดเงินลงทุนไปครึ่งหนึ่งแล้ว  จากแผนเดิม 8 แสนล้านก็เหลือเพียง 4 แสนล้านบาทเท่านั้น  อย่างไรก็ดี  มีแผนเด็ดกว่านั้นอีก คือ ให้ รฟท.ร่วมทุนโดย "ที่ดิน"  และให้ ญี่ปุ่น จีน นั้นลงทุนในระบบราง และ สัญญาณให้ฟรีๆ   เรื่องนี้ดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้  แต่หากพิจารณาดูดีๆ แล้ว  ที่ดินรอบสถานีรถไฟความเร็วสูงนั้นมีศักยภาพมหาศาล  การเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 15% ก็หมายถึง 5 ปีมูลค่าเพิ่มขึันเท่าตัว ดังนั้นเวลาผ่านไป 25 ปีมูลค่าจะเพิ่มขึ้น 32 เท่า  และ เวลาผ่านไป 50 ปีมูลค่าที่ดินสูงขึ้นถึง 1 พันเท่าตัว.... ขณะที่รางรถไฟนั้นมูลค่าลดลงไปเรื่อยๆ ตามค่าเสื่อมสภาพ  มันจึงคุ้มค่ามากๆ  

มีความเป็นไปได้ว่า  เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นและจีน อ่านมาถึงบรรทัดนี้  ภายใน 1 สัปดาห์ อาจรีบแย่งกันประกาศว่า "ยินดีจะสร้างรถไฟความเร็วสูงให้ประเทศไทยแบบฟรีๆ"   โดยสายที่เหมาะในการสร้างนำร่องก็คือ "สายตะวันออก" (กรุงเทพ-ระยอง)  เพราะ ผ่านเข้าไปยังพื้นที่ที่เจริญมากอยู่แล้ว  และ เส้นทางสั้นลงทุนไม่มากนักราว 1 แสนล้านบาท  โดยเส้นทางสายนี้ ประเทศญี่ปุ่นก็สนใจในการลงทุนอยู่แล้ว เพราะ เชี่ยวชาญในการรบริหารจัดการพื้นที่ของสถานีรถไฟเป็นอย่างดี  หากได้แบ่งผลประโยชน์จากพื้นที่รอบสถานีสำคัญๆ  ในเส้นทางสายนี้ย่อมจะมองเห็นว่าคุ้มค่าการลงทุนเป็นแน่   และ เมื่อญี่ปุ่นสร้างให้ฟรีๆ 1 เส้นทาง  พวกเราคงไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อยหาก จีน จะขอสร้าง "สายอีสาน" (กทม.-หนองคาย)  ให้ไทยฟรีๆ บ้าง  เพื่อคานอำนาจและอิทธิพลของญี่ปุ่น

นี่คือสิ่งที่ผมเรียกว่า  "ไท้เก๊กโมเดล"  คือ การยืมพลัง เงินทุนและเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงของ มหาอำนาจในเอเชีย ซึ่งก็คือ จีน และ ญี่ปุ่น  มาสร้างให้ประเทศยากจนในอินโดจีนแบบฟรีๆ  โดยได้ผลประโยชน์แบบครึ่งๆ ของที่ดินรอบสถานีรถไฟความเร็วสูงเป็นผลตอบแทน  แม้ระยะสั้นอาจดูไม่คุ้ม  แต่ระะยาวๆ แล้วน่าจะคุ้มค่าแน่นอน และ เรื่องนี้ยังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศระยะยาวแบบคานอำนาจกันอีกด้วย  

แล้ว "ไท้เก๊กโมเดล" จะมีประโยชน์อะไรกับประเทศไทย ??   ผมคิดว่ารถไฟความเร็วสูง ควรมี 5 เส้นทาง ตามนี้
1. เส้นทางเชื่อมมหาสมุทร (ทวาย-กทม.-ขอนแก่น-สะหวันเขต-ดานัง)  นี่จะเป็น land bridge ขนาดใหญ่มากของภูมิภาคอินโดจีนนี้  ทำให้การนำเข้า-ส่งออก  ไปได้ทั้งมหาสมุทรอินเดีย และ แปซิฟิก  โดยไม่ต้องอ้อมแหลมมลายู  ทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์ของทั้งไทยและภูมิภาคลดลงได้มาก  ส่งเสริมการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวได้มาก  
2. เส้นทางเชื่อมจีน ( กทม.-ขอนแก่น-หนองคาย-คุนหมิง) 
3. เส้นทางเชื่อมแหลมมลายู ( กทม.-ปาร์ดังเบซาร์-กัวลาลัมเปอร์-สิงคโปร์)  หรือ สายใต้
4. สายเหนือ (กทม.-เชียงใหม่) 
5. เส้นทางอาคเนย์   (กทม.-ระยอง-นครวัด-พนมเปญ-โฮจิมินห์)
เมื่อรวมทุกเส้นทางแล้วเฉพาะในประเทศไทยราว 3 พันกิโลเมตร  ต้นทุนราวกม.ละ 500 ล้านบาท  หมายถึง ไทยอาจจะได้มาฟรีๆ โดยไม่ต้องลงทุนเลยแม้แต่น้อย  จึงประหยัดเงินลงทุนไปได้ถึง 1.5 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว

ก็คงต้องปิดท้ายด้วยคำถามที่ว่า "ถ้าได้รถไฟความเร็วสูงมาฟรีๆ แล้ว ท่านผู้อำนาจจะยอมให้มีได้ไหม หรือว่าต้องรอให้ถนนลูกรังหมดไปก่อนละครับ ??"  











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น